การออกมาเปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดบ้านกำนันนก ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเผยให้เห็นพฤติกรรมของคนในงาน โดยเฉพาะตัว “กำนันนก” ซึ่งพบว่าเป็นปิดสวิตซ์กล้องวงจรปิดตัวสำคัญด้วยตัวเอง แต่เป็นการปิดเอาไว้ล่วงหน้า ก่อนจะมีงานเลี้ยง คือ เวลาประมาณ 10.16 นคำพูดจาก เกมสล็อตมาใหม่. ของวันเกิดเหตุ โดยสันนิษฐานว่าอาจเป็นการเตรียมไว้สำหรับงานเลี้ยง เพราะอาจมีคนไปเตือนว่ากล้องตัวนี้ส่องมาที่โต๊ะงานเลี้ย ทำให้ไม่มีภาพจังหวะที่เกิดเหตุ
พบหลักฐานใหม่! ค้นบริษัท “กำนันนก” เจอรถที่ใช้หลบหนี
ออกหมายจับ “กำนันนก” เอี่ยวยิงตำรวจทางหลวงดับ
โดยตำรวจให้ข้อมูลว่า มีกล้องวงจรปิดอีกตัวที่บันทึกภาพจังหวะที่ “กำนันนก” เข้าไปในห้องเซิร์ฟเวอร์ในเวลาดังกล่าวแล้วกล้องก็หยุดทำงาน
แม้กล้องวงจรปิดที่ส่องมาบริเวณโต๊ะเกิดเหตุ จะไม่สามารถบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวได้ แต่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่ามีพยานยืนยันว่า ในงานมีการโต้เถียงกันระหว่าง “กำนันนก” กับ “สารวัตรศิว” โดยมีมูลเหตุมาจาก 3 ปัจจัยคือ ความไม่พอใจกับเรื่องบรรทุกน้ำหนักเกิน การขอตำแหน่งให้ญาติ และก็มีการดวลเหล้ากันในงาน
ก่อนที่กำนันนกจะออกมาคุยกับ “หน่อง” และเป็นคนส่งสัญญาณให้ยิงเอง นอกจากนี้ยังมีกล้องวงจรปิดตัวอื่นๆ ที่บันทึกภาพก่อเกิดเหตุ เห็นว่าเคลียร์พื้นที่ ให้คนแก่ออกไปก่อน เราลองไปย้อนฟังเสียงของ “บิ๊กโจ๊ก” ตรงนี้กันอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พูดถึงคดีนี้ว่าตำรวจยังคงสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเอาผิด “กำนันนก” ให้ได้มากที่สุด เพราะถือเป็นการกระทำอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ส่วนกรณีกล้องวงจรปิดที่ยังกู้ได้ไม่ครบนั้น ทาง พล.ต.ท.จิรภพ ยืนยันว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้แน่นหนาพอจะบ่งชี้ได้ว่า “กำนันนก” สั่งการให้ “นายหน่อง” ยิง สารวัตรศิว โดยเฉพาะคำให้การของพยานที่เห็นเหตุการณ์ และพยานแวดล้อม
รวมถึงพฤติกรรมการทำลายหลักฐาน หรือ เจตนาของผู้ก่อเหตุ รวมไปถึงมูลเหตุแรงจูงใจและพยานอื่นๆ อีกมากที่เป็นองค์ประกอบสำคัญทางคดี สามารถเอาผิด “กำนันนก” ใหได้รับโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตได้
นอกจากนี้ ก็ยังได้กำชับให้ชุดคลี่คลายคดี เร่งขยายผลตรวจสอบเครือข่ายธุรกิจของ “กำนันนก” ทุกกิจการว่าเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆ หรือเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ รวมไปถึงตรวจสอบทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดว่ามีที่ไปที่มาอย่างไร ซึ่งขณะนี้พอมีข้อมูลพยานหลักฐานบ้างแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ หรือขยายผลอีกสักระยะ
ขณะเดียวกันก็ให้ตำรวจสอบสวนกลางรวบรวมหลักฐานและรายละเอียดเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนครปฐมทั้งหมด เพื่อเตรียมเปิดปฏิบัติการปราบอิทธิพลแบบถอนรากถอนโคน